นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขยายรากฐานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ต่อยอดประโยชน์ที่ไทยตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและการค้าของเอเชียคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

กลุ่มแบงก์รับประโยชน์เต็ม ๆ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ส่องคาดการณ์กำไรปี 66

10 จุดสังเกตง่าย ๆ รู้ทันข่าวไหนข่าวปลอม ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

ทั้งนี้ ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาจัดทำโครงการเเลนด์บริดจ์ (LandBridge) ให้เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านคมนาคม

โดยบูรณาการรูปแบบการขนส่งเชื่อมโยง 2 ท่าเรือให้เชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมการขนส่งทางน้ำให้มีความทันสมัย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวได้เน้นยํ้าให้หน่วยงานศึกษา และออกเเบบอย่างรอบคอบและเหมาะสม รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งผู้ประกอบการ นักลงทุน รวมทั้งชุมชนให้ครบถ้วนทุกฝ่าย

สำหรับ โครงสร้างพื้นฐานหลักของโครงการ Landbridge คือท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอ่าวไทย ในจังหวัดชุมพร เเละท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอันดามัน จังหวัดระนอง โดยมีเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 เเห่ง ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ได้แก่ ทางหลวงพิเศษขนาด 6 ช่องจราจร ทางรถไฟขนาดรางมาตรฐาน 2 ทาง โดยเกิดจากจุดได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศ การเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและการค้าของเอเชีย ซึ่งโครงการ Landbridge สามารถลดระยะทาง ร่นระยะเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และอาจส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง จนเป็นผลผลิตในรูปเเบบพร้อมใช้ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เท่านั้น แต่จะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor : SEC ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ในการเชื่อมโยงการค้าและโลจิสติกส์กับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ และภูมิภาคฝั่งทะเลอันดามัน (BIMSTEC) เป็นฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง และเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ

ทั้งนี้ ปัจจุบัน โครงการอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ เช่น นักลงทุนต่างชาติในสายการเดินเรือต่าง ๆ ผู้ประกอบการชาวไทยและชาวต่างชาติ และการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งยังดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ประเมินผลกระทบสิ่งเเวดล้อม เเละวิเคราะห์รูปเเบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน ควบคู่ไปกับการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอย่างรอบด้าน โดยกระทรวงคมนาคมเล็งเห็นว่า หากโครงการ Landbridge แล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในพื้นที่ภาคใต้จาก 2% เป็น 10% เป็นระยะเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เกือบ 500,000 ล้านบาท รวมทั้งจะเกิดโอกาสการจ้างงาน เพิ่มอาชีพใหม่ ๆ ในชุมชน เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกพื้นที่

 คืบหน้าโครงการ 'แลนด์บริดจ์” เชื่อมโยงการขนส่งอ่าวไทย-ทะเลอันดามัน

By admin