หลังจากที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากว่าญัตติเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โหวตนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เป็นญัตติที่ตกไปแล้ว ไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ ตามข้อบังคับการประชุมรัฐธรรมนูญ ข้อ 41 นั้น ส่งผลให้ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก 8 พรรคร่วม เหลือแค่ 3 คน โดยเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด

โดยแต่เดิม 8 พรรค มี 4 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 4 คน คือโดยคนที่เป็นแคนดิเดตหลักคือนายพิธา แต่เมื่อนายพิธาหมดโอกาสที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

โหวตนายก : รัฐสภาลงมติเป็นญัตติต้องห้าม! ปิดทางเสนอชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯ

โหวตนายก : "ปิยบุตร" ชี้โหวต "พิธา" รอบ 2 ไม่ได้ บทตอกย้ำความสำคัญ "ประธานสภา" คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

โหวตนายก : "ชัยธวัช" เชื่อ "พิธา" กำลังใจเต็ม 100 รอพิจารณาให้สิทธิ์ "เพื่อไทย" ตั้งรัฐบาล

 โหวตนายก - วัดใจ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จับมือวัดดวงโหวตนายกฯ

ทำให้เหลือ 3 คน ที่จะเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และ นายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งในจำนวนนี้ ค่อนข้างชัดว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายเศรษฐาก่อนเป็นลำดับแรก หลังก้าวไกลประกาศถอยให้เพื่อไทยนำตั้งรัฐบาล ที่น่าสนใจ คือ หาก เพื่อไทยเสนอชื่อนายเศรษฐา แบบที่ยังจับมืออยู่กับก้าวไกล ส.ส. และ ส.ว. จะโหวตให้หรือไม่

เพราะก่อนหน้านี้ก็มี สส. และ สว. จำนวนไม่น้อย ที่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล ดัวยเงื่อนไขดังกล่าวพรรคการเมืองใดที่จับมือกับพรรคก้าวไกล ก็จะได้เสียงโหวตไม่แตกต่างจากการโหวตนายพิธาในรอบแรก

ทั้งนี้หากเป็นไปตามนี้ ก็มองได้ว่าพรรคเพื่อไทยมี 2 ทางแยก โดยทางแรกคือเสนอชื่อนายเศรษฐา โหวตนายกรัฐมนตรีในรอบที่สาม โดยยังคงเกาะกลุ่มกับพรรคก้าวไกล ซึ่งจะเป็นการวัดดวงว่าจะได้เสียงสนับสนุนเกิด 375 เสียงหรือไม่ และทางที่สอง คือ พรรคเพื่อไทยแยกทางกับพรรคก้าวไกล เปิดทางจับมือพรรคอื่นเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไว้

เพราะท้ายที่สุดแล้วหากจับมือกับพรรคก้าวไกล โดยเสนอชื่อนายเศรษฐา แล้วไม่ผ่านการพิจารณา จะทำให้ เพื่อไทยเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแค่ 2 คน คือ น.ส.แพทองธาร และ นายชัยเกษม ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่าอาจจะมีการเสนอชื่อ 1 ใน 2 คนนี้เพื่อเช็คกระแสในรัฐสภาก็ได้เช่นเดียวกัน

By admin